ILINK ยกทีมผู้บริหาร ให้ข้อมูลงาน Opp Day แย้มแผนปี 66 เตรียมบิ๊กเซอร์ไพรส์ รุกตลาดสายสัญญาณ ลุยคว้างานประมูลสายใต้น้ำเพิ่ม กระตุ้นแผนโกยกำไรสูงสุด
น่าทึ่ง ! ILINK โชว์ยอดขายและกำไรปี 65 New High เติบโตแรงกว่าคาด เตรียมขึ้นแท่นครองตลาดสายสัญญาณ เดินหน้าบุกตลาดตามแผนกลยุทธ์ เล็งคว้างานประมูลใหญ่เสริมทัพ ดัน Backlog ทะลุ 4 พันล้าน
วันนี้ (8 มีนาคม 2566) นำโดย คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ฯ พร้อมด้วย คุณวริษา อนันตรัมพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป ร่วมนำเสนอข้อมูลภาพรวมธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทฯ ผ่านงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า “ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK สามารถทำรายได้รวมแตะ New High ที่ 7,095.66 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16.13% เมื่อเทียบกับปี 2564 และมีกำไรสุทธิ (ส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่) New High ที่ 383.48 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.60% เมื่อเทียบกับปี 2564 สำหรับแผนปี 2566 บริษัทฯ ลุยบุกตลาดสายสัญญาณรุ่น Low Smoke Zero Halogen (LSZH) ที่ไม่ลามไฟ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผู้ใช้งาน พร้อมชูสายโซล่า (Solar Cable) และสายควบคุม (Control Cable) ที่เติบโตโดดเด่น เพื่อขยายธุรกิจให้ตอบโจทย์ครอบคลุมครบทุกระบบ และทุกหน่วยงาน ดันยอดขายปี 2566 โตต่อไม่น้อยกว่า 10%นอกจากนี้ บริษัทฯ เล็งคว้าอีก 2 งานประมูลใหญ่ คือ งานเกาะสมุย มูลค่า 1,820 ล้านบาท และงานเกาะสีชัง มูลค่า 812 ล้านบาท เพื่อขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 งานสายเคเบิ้ลใต้น้ำของประเทศไทย”
ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ฯ ประจำปี 2565 ประกอบไปด้วย ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Distribution) ซึ่งมีรายได้ 2,514.80 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15.63% และมีกำไรสุทธิ207.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 15.86% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยในปี 2566 นี้ บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนยอดขายกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตเด่น ได้แก่ กลุ่มสายโซล่า (Solar Cable) และกลุ่มสายควบคุม (Control Cable) รวมถึงกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ได้แก่ กลุ่มสาย UTP (LAN Cable) และกลุ่มสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) อีกทั้ง ผลักดันยอดขายในตลาด Modern Trade เช่น ไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ เมกาโฮม ดูโฮม โฮมโปร เป็นต้น และยอดส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนลาว ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้า ราคาที่ถูกกว่า และการให้บริการที่ดีกว่า เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 98.22% ซึ่งมีอัตราการซื้อซ้ำที่ 87.56% เพื่อตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดสายสัญญาณที่มียอดขายสูงสุดต่อไป
สำหรับธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Engineering) แม้จะปิดรายได้ไปที่ 1,150.22 ล้านบาท ลดลง 19.48% แต่สามารถทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 63.45 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21.28% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากการชนะงานก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า มูลค่า 1,786 ล้านบาท ที่มีอัตรากำไรสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้ง บริษัทฯ ยังชนะงานจัดหาสายสำรอง Spare part ของสายเคเบิลใต้น้ำให้โครงการที่ติดตั้งแล้วเสร็จ มูลค่าอีก 67 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานคุณภาพคงค้างในมือ (Backlog) จำนวนอีกกว่า 2,100 ล้านบาท ที่จะช่วยผลักดันให้ทั้งรายได้ และกำไรของธุรกิจวิศวกรรมโครงการ เติบโตโดดเด่นในปี 2566 - 2567 นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2566 บริษัทฯ เล็งคว้างานประมูลใหญ่เสริมทัพอีก 2 โครงการ คือ งานเกาะสมุย มูลค่า 1,820 ล้านบาท และงานเกาะสีชัง มูลค่า 812 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดประมูลในวันที่ 17 มีนาคม และ 20 มีนาคม 2566 นี้ ตามลำดับ
ในขณะที่ธุรกิจโทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom) ปิดรายได้รวมที่ 3,430.64 ล้านบาท เติบโตขึ้น 36.87% และมีกำไรสุทธิ 286.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.68% เมื่อเทียบกับปี 2564 ก็สามารถทำรายได้เติบโตก้าวกระโดด และทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับความสำเร็จของทั้ง 3 ธุรกิจที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจ ควบคู่ไปกับการตั้งมั่นที่จะนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมอัจฉริยะมาพัฒนาประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความทันสมัย พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล อีกทั้งการมีโครงสร้างรายได้ในรูปแบบต่อเนื่อง (Recurring) และมีงานคุณภาพคงค้างในมือ (Backlog) เป็นสิ่งยืนยันว่า กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ สามารถเติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน สอดคล้องไปกับทิศทางการขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีการขยายตัว หนุนแผนธุรกิจปี 66 ที่บริษัทฯ มุ่งผลักดันรายได้และอัตรากำไรสูงสุด เพื่อสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ คว้าทุกโอกาสจากกระแสโลกแห่งอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และนักลงทุนต่อไป