นโยบายการใช้งาน

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งาน

บทนำ

เว็บไซต์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาต่าง ๆ ทั้งที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ, วีดีโอ, เสียง, รูปแบบ, ภาพถ่ายหรือข้อความผลิตภัณฑ์ของสินค้า และเนื้อหาสาระต่างๆ และเครื่องหมายทางการค้า ที่เป็นลิขสิทธิ์จดทะเบียนของ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับความคุ้มครองในด้านลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา โดยลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งหลายที่อยู่บนเว็บไซต์นี้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยได้รับอนุญาตจากผู้มีสิทธิเหล่านั้นเพื่อให้สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์นี้ได้

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มีสิทธิ์หรือมีอำนาจควบคุมการใช้เนื้อหานั้นห้ามมิให้ทำซ้ำ, ดัดแปลง, จัดเก็บ, ถ่ายโอน, ลอกเลียนแบบ, เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เว้นแต่การใช้ จัดพิมพ์ หรือดาวน์โหลดเนื้อหาที่แสดงบนเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นการส่วนบุคคล โดยผู้ใช้ต้องไม่ลบข้อความเกี่ยวกับลิขสิทธิ์หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาออกจากเนื้อหานั้นๆ

การบริการและคุณสมบัติบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนสมาชิกหรือลงทะเบียนเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมอาจปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ ซึ่งท่านจำเป็นต้องยินยอมที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นข้อมูลที่ถูกปรับปรุงล่าสุดอยู่เสมอ และทันทีที่อัพเดตข้อมูลดังกล่าวถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ผู้ใช้เว็บไซต์ทุกคนเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเก็บรหัสผ่านและระบุบัญชีอื่นที่มีความปลอดภัย เจ้าของบัญชีคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้ รหัสผ่านหรือบัญชีดังกล่าว

ในกรณีที่ท่าน ไม่สามารถจำรหัสผ่านหรือบัญชีของท่านได้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ในการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่เป็นผลจากการกระทำใดๆ หรือในความเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวของท่านที่สอดคล้องกับส่วนนี้ กรณีที่ผู้ใช้บริการทราบว่ามีผู้อื่นใช้ชื่อบัญชีและรหัสผ่านของท่านไปใช้ โดยที่มิได้ให้ความยินยอม ไม่ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ผู้ใช้บริการต้องแจ้งให้ทางบริษัททราบทันที เพื่อบริษัทจะได้ยกเลิกการทำรายการสั่งซื้อสินค้า/บริการ หรือการทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว โดยสามารถแจ้งติดต่อ แผนกบริการลูกค้า ที่เบอร์ 02-666-1111


การลงทะเบียนใช้บริการ

ผู้ใช้บริการสั่งซื้อสินค้าที่เว็บไซต์ https://shop.interlink.co.th ต้องตกลงที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริง ทั้งรายชื่อ, ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล เพื่อประโยชน์ในกระบวนการติดต่อ ซื้อขาย ระหว่าง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กับผู้ที่สมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ https://shop.interlink.co.th โดยที่หากมีการแก้ไขข้อมูลหรือรายละเอียดที่ท่านได้ให้กับบริษัท ท่านต้องตกลงเพื่อที่จะมีการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องผ่านช่องทางเมนู “Profile หรือ ข้อมูลสมาชิก” ที่อยู่ในเว็บไซต์เท่านั้น


การเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ

เว็บไซต์ https://shop.interlink.co.th อาจมีการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อช่วยให้ท่านสามารถค้นหาเว็บไซต์ บริการ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น โดยบริษัทไม่มีอำนาจที่จะควบคุม รับรองยืนยันความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือและรับผิดชอบในเนื้อหาของเว็บไซต์ของบุคคล ภายนอก หรือการเชื่อมต่อใดๆ ที่บรรจุอยู่ในเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก การตัดสินใจว่าบริการ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์เหล่านี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของท่านหรือไม่นั้น เป็นความรับผิดชอบของท่านเอง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่มีความรับผิดชอบ ในฐานะเจ้าของหรือผู้ดำเนินการเว็บไซต์เหล่านั้น หรือสินค้าและบริการที่บริษัทผู้เป็นเจ้าของ หรือผู้ดำเนินงานของเว็บไซต์ที่นำเสนอ และ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดถึงการรับประกันใดๆ หรือต้องรับภาระค่าเสียหายที่เกี่ยวพันกับเจ้าของ หรือผู้ดำเนินงานของเว็บไซต์ใดๆ ทั้งสิ้น (รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากข้ออ้างใดๆ ก็ตามที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นของเว็บไซต์ของบุคคลที่สามนั้น)


กฎข้อบังคับ

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จะไม่รับผิดสำหรับความเสียหายใดๆ รวมถึง ความสูญเสีย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แบบเฉพาะเจาะจง, โดยบังเอิญที่เป็นผลสืบเนื่อง ซึ่งเกิดจากการที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์นี้ หรือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นี้ หรือการที่บุคคลใดๆ ไม่สามารถเข้าใช้ได้ นอกจากนั้น บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จะไม่รับผิดต่อความสูญเสีย ความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความล้มเหลวในการใช้งาน, ความผิดพลาด, การละเว้น, การหยุดชะงัก, ข้อบกพร่อง, ความไม่สมบูรณ์ หรือ ไวรัส ถึงแม้ว่าบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือตัวแทนของบริษัท จะได้รับแจ้งว่าอาจจะเกิดความสูญเสีย ความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าว

ข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้จะต้องถูกตีความและควบคุมโดยกฎหมายที่ถูกบังคับใช้ในราชอาณาจักรไทย




​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ และตระหนักถึงการได้รับความไว้วางใจจากท่าน ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

บริษัทให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่านและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินงานของบริษัทด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (“ผู้ใช้บริการ/ลูกค้า”) ตกลงยินยอมให้บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของข้าพเจ้าที่ให้ไว้กับบริษัทฯ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้


1. ข้อมูลส่วนบุคคล และแหล่งที่มา

1.1 ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเป็นต้นว่า ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน ที่อยู่ที่ติดต่อ

1.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์ Call Center ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด

1.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต


2. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 เพื่อให้ท่านได้เข้าถึงพื้นที่การขาย การให้บริการ การดำเนินกิจกรรม การติดต่อประสานงานต่างๆ ของบริษัท การใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของท่าน และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย

2.1.1 เพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัทหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท(Contractual Basis) เช่น

(1) การพิจารณาอนุมัติ การให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ เช่น การเป็นตัวแทนจำหน่าย, การลงทะเบียนสมัครสมาชิก เป็นต้น

(2) การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ เช่น การประมวลผล การติดต่อ การแจ้ง การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ รวมถึงการแจ้งข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือการมอบหมายให้บริหาร

2.1.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เช่น

(1) การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

(2) การปฏิบัติตามกฎหมายธุรกิจ กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว

2.1.3 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น

(1) การบันทึกเสียงทาง Call Center การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร

(2) การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน

(3) การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเดียวกันเพื่อการดังกล่าว ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเครือกิจการ (Binding Corporate Rules)

(4) การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data)

(5) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลล้มละลาย) การทำผิดกฎหมายต่างๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น

(6) การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ของลูกค้านิติบุคคล

(7) การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ การจัดกิจกรรมทั้งภายในและภายนอก หรือออกบูธ

(8) การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์

(9) การรับ-ส่งพัสดุ

2.2 เพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ตามที่ท่านเลือกให้ความยินยอมไว้ เช่น

(1) เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน

(2) เพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และ/หรือ บริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่น ข่าวสาร หรือกิจกรรมพิเศษของบริษัทเอง หรือของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือของบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทตามแต่กรณีที่ท่านให้ความยินยอมไว้

2.3 เพื่อใช้ข้อมูลในการปรับปรุงคุณภาพการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2.4 เพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับ กฎหมาย หรือใช้ในวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย

2.5 เพื่อบริการหลังการขาย รวมถึงการติดตาม ประสานงนา แก้ไขปัญหาตามความเหมาะสม

2.6 เพื่อใช้ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ เสนอ ให้ใช้ ปรับปรุงการขาย การบริการ การดำเนินธุรกิจ การดำเนินกิจการ และ/หรือการดำเนินการกิจกรรมของบริษัท

2.7 เพื่อการดำเนินการอื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น


3. ระยะเวลาในการจัดเก็บ

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่เป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทหรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว


4. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และบริษัท ได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม


5. สิทธิในความเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

5.1 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ท่านมีสิทธิอาจขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน

5.2 สิทธิขอถอนความยินยอม : ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม การถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือการการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนถอนความยินยอม

5.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

5.4 สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป เฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย

5.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

5.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

5.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น




ทั้งนี้ ท่านสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

  • ในวันและเวลาทำการของบริษัท (เวลา 8. 00 น. ถึง 17.00 น.)
  • บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) :